ในวันนี้ วันที่ 20 สิงหาคมนั้นเป็นช่วงสำคัญของเทศกาลปารยุษณะ (Paryushana) ที่จะจัดขึ้นเป็นเวลา 8 วันตามปฏิทินทางศาสนา ในวันดังกล่าวจะมีการอดอาหาร สวดมนต์ และถือพรต 5 ตามหลัก
ศาสนาเชน เทศกาลปารยุษณะนั้นเกิดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันที่พระมหาวีระ (ศาสดาของศาสนาเชน)
บรรลุโมกษะ รวมถึงเฉลิมฉลองสัมวัตสารี (Samvatsari) หรือวันแห่งการให้อภัย ดังนั้น เนื่องในวันสำคัญดังกล่าวประจำปี 2568 จึงถือเป็นวันดีที่เราจะได้มาพูดคุยกันเรื่องศาสนาเชน จุดเริ่มต้นของศาสนานี้ในสังคมไทย และการสร้างวัดเชนในกรุงเทพมหานคร
ดังที่ได้เกริ่นไปข้างต้น ศาสนาเชนมีศาสดาคือพระมหาวีระ (Mahavira) พระองค์ประสูติร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาแห่งพุทธศาสนา โดยที่พระมหาวีระประสูติก่อนพระพุทธเจ้า ฝั่งพุทธศาสนาจะเรียกพระมหาวีระว่า นิครนถนาฏบุตร นอกจ่ากนี้ในพุทธประวัติกล่าวถึงศาสนาเชนอยู่บ่อยครั้ง เช่น
ตอนนิครนถนาฏบุตรถึงแก่กรรม ดังนั้นทั้งสองพระองค์จึงถือว่ามีความสัมพันธ์ร่วมกัน
พระมหาวีระนั้นถือว่าเป็นตีรถังกร (Tirthankara) แปลว่า พระผู้ช่วยให้รอดที่จะพาข้ามการเวียนไหว้ตายเกิดในสังสารวัฏ พระองค์ประสูติช่วง 56 ปี ก่อนพุทธกาล เป็นบุตรของกษัตริย์ลิจฉวี ผู้ปกครอง
กรุงเวสาลี แคว้นวัชชี พระองค์เสกสมรสกับพระนางยโสธรา มีธิดาชื่อนางอโนมา พระองค์เริ่มต้นบำเพ็ญเพียรเมื่อพระชนมายุ 30 พรรษา และเริ่มศึกษาพระธรรมจนค้นหาสัจธรรมเมื่อมีพระชนมายุ 42 พรรษา หลังจากนั้น พระองค์จึงเริ่มเผยแพร่คำสอนจนกระทั่งพระชนมายุได้ 72 พรรษาจึงเข้าสิทธศิลา (หรือที่ในพุทธศาสนาเรียกว่า นิพพาน) ที่เมืองปาวาบุรี
หลักคำสอนของศาสนาเชนที่เผยแผ่ออกไปนั้นหลากหลายอย่างมาก ตัวอย่างเช่น พรต 5 ประการ ได้แก่
ประเด็นเรื่องหลักคำสอนที่โดดเด่นอย่างมากคือเรื่อง อหิงสา ที่มหาตมะ คานธีได้ประยุกต์ใช้แนวคิดนี้ในการทำสัตยเคราะห์เพื่อเรียกร้องเอกราชจากเจ้าอาณานิคมอังกฤษ เหตุการณ์นี้ทำให้บทบาทของ
ผู้นับถือศาสนาเชนมีความสำคัญอย่างมากต่อการเมืองอินเดีย ทั้งในระดับประชาชนภายในประเทศและ
ชาวอินเดียโพ้นทะเลในปัจจุบัน ชาวอินเดียเองก็ได้อพยพเคลื่อนย้ายไปสู่ต่างประเทศมาอย่างยาวนานผ่านการค้าทางทะเลตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากแต่กลุ่มที่ยังคงธำรงเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียได้จนถึงปัจจุบันคือกลุ่มที่เดินทางมาในสมัยอาณานิคมถึงยุคอุตสาหกรรม
การท่องเที่ยวในปัจจุบัน จึงทำให้มีแรงงานชาวอินเดียอพยพมายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งในกลุ่มประชากรผู้นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาอิสลาม และศาสนาซิกข์ ส่วนสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาเชนนั้นได้เดินทางอพยพมาเมื่อราว 40 ปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากแคว้นราชสถาน (Rajastan) แคว้นคุชราต (Gujarat) แคว้นเชนไน (Chennai) และแคว้นมหาราชตะ (Maharastra) เป็นต้น
หากกล่าวถึงกลุ่มผู้อพยพย้ายถิ่นชาวอินเดียในประเทศไทยนั้น ปรากฏให้เห็นเด่นชัดทั้งผู้ที่นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาเชน ศาสนาซิกข์ และศาสนาอิสลาม โดยที่ต่างฝ่ายต่างสร้างศาสนสถานเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจของตน ในกรณีของศาสนาเชนซึ่งเป็นประเด็นหลักของบทความนี้ และเนื่องในเทศกาลปารยุษณะ ผู้เขียนจึงขอเป็นตัวแทนพาทุกคนเดินทางท่องเที่ยวไปยังวัดเชนนิกายเศวตัมพรของสมาคมไทยเจน (Thai Jain Association) ที่โดดเด่นสวยงาม ภายในประดิษฐานพระมหาวีระหรือองค์ตีรถังกร และเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ภายในเทวสถาน ดังภาพต่อไปนี้
ภาพพระมหาวีระหรือองค์ตรีถังกร (Tirthankara)
นอกจากนี้ตามธรรมเนียมของศาสนาเชน พระมหาวีระหรือองค์ตีรถังกรจำเป็นต้องมีเทพผู้ดูแลปกป้อง เช่น พระนางปัทมาวตี (Padmavati) พระมณีภาดรา วีระ (Manibhadra Veer) พระแม่สรัสวตี (Saraswati) และพระไภรวะแห่งนาโกดา (Nakoda Bhairava) โดยเรียงภาพตามลำดับจากซ้ายไปขวา
นอกจากเทวรูปที่สำคัญภายในเทวสถานแล้ว ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมของวัดนั้นยังถือว่างดงามเป็นอย่างมาก ดังภาพ
ภาพศิลปกรรมพระมหาวีระกำลังบำเพ็ญพรต (ซ้าย) และภาพพระมหาวีระขณะทรงพระเยาว์ (ขวา)
ส่วนการตกแต่งสถาปัตยกรรมนั้นถือว่าเป็นวัดเชนที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการประดับเทพและเทวดาเอาไว้จำนวนมาก ดังภาพ
ภาพเสาและภายในศาสนสถานของวัดเชนสมาคมไทยเจน
จากการพาชมวัดเชนในครั้งนี้ นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ผู้เขียนจะได้สื่อสารเกี่ยวกับเทศกาลปารยุษณะ ซึ่งเป็นการถือพรตของผู้นับถือศาสนาเชน รวมถึงบริบทที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเชน เพื่อทำให้เห็นถึงความหลากหลายของสังคมโดยเฉพาะประเด็นด้านศาสนา การเดินทางอพยพมาของชาวอินเดีย แรงงานชาวอินเดียที่มีความหลากหลายทางศาสนาที่มีมากไปกว่าภาพจำเกี่ยวกับคนอินเดียที่มักนับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาอิสลาม และศาสนาซิกข์ และเนื่องจากศาสนาเชนเป็นศาสนาที่มีคำสอนรวมถึงประวัติศาสตร์ที่ใกล้เคียงกับพุทธศาสนา และยังมีศิลปวัฒนธรรมที่สวยงาม ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าศาสนาเชนมีความสำคัญและใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด
สุดท้ายนี้ วัดเชนที่ผู้เขียนแนะนำนั้นคือวัดเชนของสมาคมไทยเจน (Thai Jain Association) ตั้งอยู่บริเวณซอยวัดโพธิ์แมน ช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้ทุกคนเข้าใจศาสนาเชนมากยิ่งขึ้น อนึ่ง เวลาเข้าศาสนสถานเชน อย่าลืมเคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรม เช่น
การใส่ผ้าปิดปากตามหลักศาสนา และการสำรวจกิริยามารยาท
แล้วเจอกับอนิลตรองได้ใหม่ในคอนเทนต์ถัดไป
แหล่งอ้างอิง
Vilas A. Sangave. (1999). Aspects of Jaina religion. Bharatiya Jnanpith.
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค. โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_line.php?B=11&A=4192
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์. (2020). มาทำความรู้จักศาสนาเชนกัน. https://curadio.chula.ac.th/Program-Detail.php?id=10448
Sophana Srichampa. (2011). Indians in Bangkok and their enterprise: from past to present. https://bharatlc.mahidol.ac.th/Documents/articles-SophanaSC-2011_Indian_in_Bangkok_and_their_Enterprise.pdf