“โอ๊ย ทำไงดี ต้องเขียน essay ส่งอีกแล้วหรอ” นี่คงเป็นเสียงบ่นของใครหลาย ๆ คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเจอกับวิชาที่อาจารย์ชอบให้เขียนเรียงความภาษาอังกฤษ (แค่ภาษาไทยก็แทบจะเอาไม่รอดแล้ว) ปัญหาการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ เช่น ไม่รู้ว่าควรใช้คำอะไร จะเขียนประโยคแบบไหนดี เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ ตัวผู้เขียนเองก็จำได้ว่าตอนที่หัดเขียนเรียงความภาษาอังกฤษครั้งแรกก็เจอปัญหามากมายเช่นเดียวกัน เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองของผู้เขียนและคนไทยส่วนใหญ่ แต่วันดีคืนดีก็ได้ไปเจอกับหนังสือสามเล่มที่ได้เปลี่ยนชีวิตไปทั้งชีวิต เพราะว่าหนังสือทั้งสามเล่มนี้ได้ช่วยดึงผู้เขียนออกจากหุบเหวความลำบากของการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ และเพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้อ่านที่กำลังประสบปัญหาเช่นเดียวกันนี้ จึงอยากจะแชร์หนังสือดี ๆ เหล่านี้ต่อโดยหวังว่าอาจจะช่วยพัฒนาการเขียนภาษาอังกฤษได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งทั้งสามเล่มที่จะกล่าวถึงมีดังต่อไปนี้
หากเอ่ยถึงชื่อของหนังสือเล่มนี้แล้ว ผู้เขียนมั่นใจว่าคนที่เรียนเอกภาษาอังกฤษและผู้ที่สนใจด้านภาษาอังกฤษคงคุ้นชื่อหรืออาจเคยพบเห็นตามร้านหนังสือมาก่อน บางคนอาจเคยเห็นปกที่เป็นรูปสุนัขพันธุ์บีเกิลแสนน่ารักพื้นหลังสีชมพู หรือบางคนอาจเคยเห็นปกคลาสสิกสีเทา ในส่วนของเนื้อหาภายในเล่มนั้นจะมีการแบ่งเนื้อหาต่าง ๆ ออกอย่างชัดเจน เช่น บทที่พูดถึงการใช้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ คำศัพท์ต่าง ๆ ที่หลายคนมักใช้ผิด หรือกระทั่งวิธีการเขียนอย่างไรให้มีสไตล์เป็นของเราเอง โดยแต่ละส่วนก็จะมีตัวอย่างเพื่อเสริมการอธิบายอย่างชัดเจน โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนมองว่า The Elements of Style เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่คนอยากเขียนเรียงความภาษาอังกฤษเป็นควรมีไว้ครอบครอง (และอย่าลืมอ่านด้วยนะคะ) เนื่องจากเล่มนี้มีเนื้อหาครอบคลุมวิธีการเขียนที่ดีเกือบทั้งหมด ซึ่งเนื้อหาที่กล่าวถึงในหนังสือบางครั้งไม่ได้มีสอนตามชั้นเรียนภาษาอังกฤษทั่ว ๆ ไป จากประสบการณ์ของผู้เขียนและเสียงเล่าลือของคนที่เคยอ่านแล้ว ผู้เขียนรู้สึกว่าเล่มนี้สามารถช่วยชีวิตได้มากถึงมากที่สุด เพราะจากคนที่เขียนเรียงความภาษาอังกฤษแทบจะไม่เป็นภาษามนุษย์ หลังจากอ่านเล่มนี้และพยายามทำตามวิธีในหนังสือก็พบว่า เรียงความที่ส่งอาจารย์ได้รับคำชมจากอาจารย์อย่างมากและคะแนนก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
หนังสือเล่มเล็กขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมกับราคาย่อมเยาและพ่วงมาด้วยความพิเศษของเล่มนี้คือ มีการแนะนำตั้งแต่ก่อนการเริ่มเขียน เช่น ทำอย่างไรเมื่อต้องเขียนงานที่ไม่อยากเขียน ไปจนถึงวิธีการตรวจทานแก้ไขก่อนจะกลายเป็นงานเขียนที่สมบูรณ์ อีกหนึ่งความพิเศษของ 100 Ways to Improve Your Writing คือยังมีการแนะนำหนังสือเล่มอื่นที่ควรอ่านเสริม ไม่ว่าจะเป็นหนังสือคำพ้องเพื่อให้คนเขียนสามารถใช้คำศัพท์ได้หลากหลายมากขึ้น และหนังสือเล่มนี้ยังมีตัวอย่างประกอบเพื่อความเข้าใจอีกด้วย แม้จะมีไม่มากนัก แต่ก็ช่วยเสริมความเข้าใจได้อย่างมาก ในความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน หนังสือเล่มนี้จึงเป็นอีกเล่มที่ควรมี เนื่องจากเนื้อหาที่สั้นกระชับ จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ทบทวนสำหรับคนที่มีเวลาไม่มาก (โดยเฉพาะคนที่ชอบอ่านทวนหนึ่งวันก่อนสอบ)
เมื่อถึงเวลาลงมือเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนเคยเจอปัญหาในการหลากคำ เช่นเดียวกับการเขียนเรียงความภาษาไทย การหลากคำก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้งานเขียนของเรามีประสิทธิภาพและน่าอ่านมากขึ้น โดยวิธีการเพิ่มคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษก็มีหลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น การท่องจำ การจดศัพท์ใหม่ ๆ ลงในสมุด หรือแม้กระทั่งการนำคำศัพท์นั้นมาใช้ในชีวิตประจำ แต่ความพิเศษของหนังสือศัพท์เล่มนี้คือการเพิ่มคลังศัพท์ผ่านรากศัพท์ภาษาอังกฤษนั่นเอง เนื่องจากการจำศัพท์เป็นกลุ่ม ๆ ตามรากของคำที่มีความสัมพันธ์กัน จะทำให้สามารถเดาความหมายของศัพท์ที่ไม่เคยเจอมาก่อนได้ นอกจากนี้แต่ละคำก็จะมีเสียงอ่านที่ถูกต้องตามภาษาอังกฤษ ความหมาย ประโยคตัวอย่างการใช้ รวมไปถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับคำศัพท์ ข้อดีอีกอย่างของเล่มนี้คือมีแบบทดสอบในทุก ๆ บทเพื่อให้ได้ทวนศัพท์อยู่ตลอด อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้อาจทำให้ผู้อ่านบางคนรู้สึกท้อแท้หรืออาจเหนื่อยตอนอ่าน เนื่องจากมีจำนวนหน้ากว่า 700 หน้า ซึ่งล้วนแต่เต็มไปด้วยความรู้มากมาย (ตอนอ่านผู้เขียนก็รู้สึกท้อแท้เช่นเดียวกัน) แต่ด้วยขนาดกะทัดรัดก็มักจะทำให้ผู้เขียนหยิบมาอ่านเมื่อมีเวลาว่างตลอดเวลา
ผู้ที่สนใจหนังสือทั้งสามเล่มสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป อย่างไรก็ตามแม้ว่าหลายคนยังคงมองว่าการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษถือได้ว่าเป็นงานหิน แต่ผู้เขียนเชื่อว่าหากลองอ่านสามเล่มนี้และลองทำตาม รับรองได้ว่าทักษะการเขียนภาษาอังกฤษจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเนื่องจากเทอมใหม่ได้มาถึงแล้ว ใครที่ผิดหวังกับเกรดในเทอมก่อนหน้า เรามาลองเร่งไฟการเรียนของเราด้วยการอ่านหนังสือตั้งแต่วันนี้ และขอให้ทุกคนมีความสุขกับเทอมใหม่นี้นะคะ