ควันธูปสีเทาลอยขึ้นเป็นสายก่อนที่จะสลายกลายเป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ ท่วงทำนองบทสวดมนต์ดังคลอเป็นพื้นหลัง เทวรูปยังคงตั้งตระหง่านอยู่กลางศาลปีแล้วปีเล่า… รวมถึงปีนี้... แต่อาจจะไม่มีปีต่อไป...
“#saveศาลเจ้าแม่ทับทิม” เคยเป็นกระแสฮือฮาในทวิตเตอร์เมื่อราว ๆ 1 ปีที่ผ่านมา สรุปง่าย ๆ คือ ศาลเจ้า (อีก) แห่งหนึ่งกำลังถูกจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไล่ที่ด้วยทุกวิถีทาง เพื่อนำที่ดินบริเวณนั้นไปสร้างเป็นคอนโดฯ อันจะสร้างกำไรมหาศาลให้แก่มหาวิทยาลัย โดยที่ตัวมหาวิทยาลัยมิได้สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้านตาดำ ๆ เลยแม้แต่น้อย
ไม่เพียงแต่ศาลเจ้าเท่านั้น ชุมชนโดยรอบต่างก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ซึ่งนั่นก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะเกียรติภูมิจุฬาฯ คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน... ประชาชน “ผู้มีอันจะกิน!”
และในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมานี้เอง หลายสำนักข่าวก็ได้ทำหน้าที่เผยแพร่ประวัติและความเป็นมาของศาลเจ้าแห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์เพียงพอที่แผนกสาราณียกรไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเนื้อหาในส่วนนั้นอีกต่อไป
สิ่งที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เรียบเรียงขึ้นใหม่จากบันทึกการให้สัมภาษณ์ “เมื่อปีที่แล้ว” ของ คุณนก-ผู้ดูแลศาลเจ้าฯ และคุณเดียร์-กรรมการศาลเจ้าฯ แต่ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลใจไป เพราะเนื้อหาที่เราจะเล่าไม่ได้เก่าไปตามกาล เนื่องจากสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ ยังคงทำหน้าที่ในการกลั่นแกล้งคนเล็กคนน้อยได้อย่างดยอดเยี่ยมจนน่ายกย่อง
ตั้งแต่การเอาต้นไม้มาปิดบังทางเข้าศาลเจ้าฯ การลักลอบตัดป้ายประชาสัมพันธ์เทศกาลทิ้งกระจาด การจำกัดทางเข้าออกศาลเจ้าฯ ให้เหลือเพียงทางเดียว ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อจะได้เป็นข้ออ้างว่า “ศาลเดิมตั้งบนที่ดินร้าง... ทำให้การใช้งานลดลงอย่างมาก” (ผู้เชี่ยวชาญและสถาปนิกผู้คุมงาน “ภายใต้บังคับบัญชาของสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ”, 2563) รวมถึงการสร้างศาลใหม่-เทวรูปองค์ใหม่แทน โดยมีจุดประสงค์เพื่อ “สับขาหลอก” ให้คนที่ตั้งใจมากราบไหว้เข้าใจผิดและบีบบังคับให้ศาลเจ้าแม่ทับทิม “องค์จริง” ต้องถูกย้าย ยิ่งไปกว่านั้นคือการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาคุกคามกรรมการศาลเจ้าฯ การฟ้องศาลเพื่อกลั่นแกล้ง และการเรียกร้องค่าเสียหายถึง 122 ล้านบาท
ภาพที่ 1 ศาลเจ้าแม่ทับทิมฯ ที่ถูกบดบังด้วยต้นไม้ของสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ จาก https://pmcu.co.th/ (ถูกลบออกไปแล้ว)
ภาพที่ 2 ชายชุดดำที่มาตามถ่ายรูปคณะกรรมการศาลเจ้าฯ ขณะพานักข่าวสำรวจศาล “ชั่วคราว” ที่สร้างโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ ขอบคุณภาพจาก ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
ภาพที่ 3 คำสั่ง “ตัดเก็บ” ป้ายประชาสัมพันธ์เทศกาลทิ้งกระจาด (ภาพจำลอง)
ภาพที่ 4 คำชี้แจงจากผู้ที่เกี่ยวข้อง จาก https://www.facebook.com/groups/429224380754014/permalink/1226597351016709
หลายท่านที่เดินผ่านไปผ่านมาละแวกอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ อาจจะได้เห็นสิ่งก่อสร้างลักษณะเหมือนกับบ้านของเล่น (หรือห้องน้ำสาธารณะ ?) ที่บังเอิญคล้ายกับศาลเจ้าไปบ้างแล้ว... นั่นแหละคือศาลที่สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ สร้าง “ทดแทน” โดยที่ให้สัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ “เหมือนเดิม”
ความฉาบฉวย ความไม่ใส่ใจ และการที่พูดแล้วทำไม่ได้ คือองค์ประกอบ คืออิฐและปูนของศาลแห่งนี้... เราทราบกันดีว่างานศิลปะเมื่อ 50 ปีที่แล้วกับทุกวันนี้ย่อมไม่เหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหรอกหรือ ที่เราจำเป็นต้องอนุรักษ์ศาลเจ้าแม่ทับทิมสะพานเหลืองแห่งนี้ไว้...
ภาพที่ 5
(ซ้าย) แบบร่างศาลใหม่ ที่แนบมาพร้อมกับ ‘คำชี้แจงของผู้ที่เกี่ยวข้อง’ จาก https://www.facebook.com/groups/429224380754014/permalink/1226597351016709
(ขวา) ศาลใหม่ที่สร้างโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ
ภาพที่ 6
(ซ้าย) ประติมากรรมนูนสูง ศาลเจ้าแม่ทับทิมสะพานเหลือง ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/1414978845381220/posts/2663979330481159
(ขวา) ประติมากรรม (?) นูนสูง ศาลใหม่ที่สร้างโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ
ศาลเจ้าคือหลักฐานหนึ่งของการพัฒนาชุมชน คือศูนย์กลางของชุมชน คือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชน คือแหล่งเรียนรู้ของชุมชน คือประวัติศาสตร์ของชุมชน และคือวิถีชีวิตของชุมชน
ดังนั้นแล้ว ศาลเจ้าที่ (กำลังจะ) หายไป ย่อมหมายถึงศูนย์กลางของชุมชนที่หายไป ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชนที่หายไป แหล่งเรียนรู้ของชุมชนที่หายไป ประวัติศาสตร์ของชุมชนที่หายไป วิถีชีวิตของชุมชนที่หายไป... และในที่สุดแล้ว ประวัติศาสตร์การมีอยู่ของชุมชนแห่งนี้ก็จะถูกทำให้หายไป... หรือถ้าดีหน่อย ก็คงเป็นได้แค่จุดถ่ายรูปจุดเล็ก ๆ ในนิทรรศการกลวง ๆ ของห้างสรรพสินค้าสุดหรูเท่านั้น
ศาลเจ้าแห่งนี้ จุฬาฯ ไม่ได้เป็นผู้สร้าง แต่จุฬาฯ กำลังเป็นผู้ทำลาย
เราไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างอยู่กับที่ในกงกาลที่หมุนไปไม่รู้จบ... เราทราบดีว่า วัฒนธรรมสามารถปรับตามยุคตามสมัยได้ แต่นั่นหมายความว่าเราก็ต้องไม่ละทิ้งแก่นดั้งเดิม และสิ่งนั้นคือสิ่งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในเอเชีย” ทำไม่ได้
คำถามคือ...
แล้วจุฬาฯ จะมีศูนย์จีนศึกษาไปทำไม ในเมื่อตัวสถาบันยังไม่เคยเห็นค่าของมรดกทางวัฒนธรรม
จุฬาฯ จะมีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ไปทำไม ในเมื่อตัวสถาบันยังมุ่งแต่จะทำลายล้างมรดกทางสถาปัตยกรรม
จุฬาฯ จะมีคณะอักษรศาสตร์ (ที่สอนให้เข้าใจมนุษย์ ?) ไปทำไม ในเมื่อตัวสถาบันยังไม่เคยเห็นอกเห็นใจหรือแม้กระทั่ง “เห็นหัว” ชาวบ้านตาดำ ๆ
.
.
.
#saveศาลเจ้าแม่ทับทิม
แหล่งอ้างอิง
ตึกรามบ้านช่อง. (4 มิถุนายน 2563). ศาลเจ้าแม่ทับทิมสะพานเหลือง [Facebook]. สืบค้นจาก https://www.facebook.com/groups/429224380754014/permalink/1226597351016709
ไหว้พระ ไหว้เจ้า. (2 มิถุนายน 2563). ศาลเจ้าแม่ทับทิมสะพานเหลือง [Facebook]. สืบค้นจาก https://www.facebook.com/1414978845381220/posts/2663979330481159